| ชุมชนชายฝั่งจ.ภูเก็ต-พังงาร้องคณะกรรมการสิทธิฯ   เร่งแก้ไขปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรของนายทุน
 ชาวบ้านชุมชนชายฝั่งอ่าวป่าคลอกเดือดร้อนหนัก  หลังจากทางจังหวัดภูเก็ตส่อเค้าว่าจะเปิดทาง  อนุมัติให้นายทุนก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือมารีน่ายามู                    เมื่อวันที่  21 ตุลาคม  2550  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  นำโดยนายวสันต์  พานิช   พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำและแร่  ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียนในพื้นที่   จ.ภูเก็ต  ที่ได้มีชาวบ้านยื่นหนังสือร้องเรียนในเรื่องการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชาวบ้านที่ให้ประโยชน์จากทรัพยากรชายฝั่ง โดยเมื่อเวลา  10.00 น. คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำและแร่  ได้ลงพื้นที่  ดูโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญอ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต  ซึ่งขณะนี้ทางกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีได้ดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรกไปแล้ว  ทางกลุ่มแกนนำชาวบ้านอ่าวฉลองได้ให้ข้อมูลว่า  หลังจากที่มีการก่อสร้างในเฟตแรกไปแล้ว ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน  ต้องได้รับความเดือดร้อน เพราะมีตะกอนที่เกิดจากการก่อสร้างได้ถูกกระแสนน้ำพัดพาไปถมแหล่งหญ้าทะเล  และแนวปะการังน้ำตื้น ซึ่งเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน  ทำให้จำนวนสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด   นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเดินเรือที่ต้องคอยหลบหลีกสิ่งก่อสร้างในทะเลจนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย  และการดำเนินงานก่อสร้างนั้นพบว่าคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามรายงานการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่เคยบอกชาวบ้านไว้  เช่น การทิ่งตะกอนลงในทะเลนั้นได้ตกลงกันว่าจะทิ่งในเวลากลางวัน   แต่ทางบริษัทที่รับผิดชอบกลับลักลอบนำไปทิ้งในเวลากลางคืน เป็นต้น   จึงทำให้ชาวบ้านไม่เกิดความมั่นใจในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ในการก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟสที่สองนี้ชาวบ้านอ่าวฉลองจึงต้องการให้มีการยกเลิกโครงการดังกล่าว จากนั้นในวันเดียวกัน  เวลาประมาณ 13.00 น. ได้เดินทางต่อไปยังบ้านยามู   หมู่ที่ 7  ต.ป่าคลอก      อ.ถลาง จ.ภูเก็ต   พร้อมกับรับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชน   สำหรับพื้นที่บ้านยามูนั้น  หลังจากที่ชาวบ้านเข้าร้องเรียนพร้อมกับยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดยกเลิกการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือมารีน่ายามู ล่าสุดได้มีแหล่งข่าวแจ้งว่า ทางจังหวัดภูเก็ตอาจจะมีคำสั่งอนุมัติก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือมารีน่าบ้านยามู  ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านบ้านยามูเป็นอย่างมาก  ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการชี้แจงให้กับทางคณะกรรมการสิทธิฯทราบแล้ว    คาดว่าทางจังหวัดเองก็กำลังดำเนินการพิจารณาให้มีอนุมัติใบอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการได้  ในเรื่องนี้ขอให้ชาวบ้านได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด   เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและชุมชน   นายวสันต์ กล่าว  ทางแกนนำชาวบ้านยามูแสดงความคิดเห็นว่า  หากทางจังหวัดปล่อยให้มีการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือมารีน่าจริงตามที่ได้ข่าวมา  ปล่อยให้ทะเลสาธารณะเป็นทะเลส่วนตัวเช่นนี้  จะทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต.ป่าคลอกและพื้นที่ใกล้เคียงที่หาอยู่หากินกับทะเลผืนนี้   ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก  นอกจากนี้ปะการังน้ำตื้น และแหล่งหญ้าทะเล  ที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลหายากจะหมดลงแล้ว  อ่าวป่าคลอกซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะก็จะเหลือเพียงตำนานก็เป็นได้   นอกจากทางบริษัท เดอะยามู จำกัด อาจจะได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างสะพานมารีน่าแล้ว  ทางบริษัทก็ยังได้เข้ามาครอบครองเส้นทางสาธารณะของชุมชน  ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางออกไปสู่ทะเล เพื่อประกอบอาชีพประมง แต่หลังจากที่บริษัทเข้ามาดำเนินโครงการก่อสร้างบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวแล้วได้ปิดกั้นเส้นทางสาธารณะดังกล่าวด้วย  โดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ   จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อน   ซึ่งทางสาธารณะนี้นายสมิทธิ์  ปาลวัฒน์วิไชย   รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ลงพื้นที่พร้อมกับนำข้อมูลไปศึกษาแล้ว  และยืนยันว่าทางเส้นนี้เป็นทางสาธารณะจริง เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันว่าเส้นทางมีการใช้ประโยชน์มานานกว่า  30 ปีแล้ว   จึงได้รับปากชาวบ้านยามูว่าจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้โดยเร็ว
 ทั้งนี้ในการพูดคุยกันชาวบ้านยังไม่ทราบว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร  เพียงแต่ได้เคยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น     แต่เท่าที่ทำได้ขณะนี้คือการที่ชาวบ้านต้องร่วมมือร่วมใจ  มีความสามัคคีกันในชุมชน เพื่อช่วยกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป  พร้อมกันนี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากบ้านในไร่  ต.บางเตย  อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา   ได้เดินทางเข้ามายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิฯขอความช่วยเหลือให้เร่งติดตามความคืบหน้า ในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ต่อกรณีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบทับพื้นที่ป่าชายเลน  และการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนของกลุ่มนายทุนที่ชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกไว้เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ  แหล่งหากินของชาวบ้านในชุมชน   และเป็นกำแพงธรรมชาติป้องกันคลื่นลม   แต่ก็ต้องถูกทำลายไป พบว่าหลังจากที่มีโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลก  ในพื้นที่    จ.ภูเก็ต  พังงา และกระบี่   ทำให้มีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาขออนุญาตก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่มากมาย   ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวให้ได้รับความสะดวกสบาย  จนทำให้เกิดความขัดแย้งในชุมชนในที่สุด  |