homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 
 

ดีเอสไอแจ้งข้อหา 4 นายทุนดังภูเก็ต! รุกเกาะยาว 500 ไร่

มติชนรายวัน   29 เมษายน 2552


3 พี่น้อง - นายธรา ตันติพิริยะกิจ นายธวัชชัย ตันติพิริยะกิจ และนายประสิทธิ์ ตันติพิริยะกิจ 3 พี่น้องที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีบุกรุกพื้นที่เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา กว่า 500 ไร่ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เมื่อวันที่ 28 เมษายน

"ดีเอสไอ"ออกหมายเรียก 4 ธุรกิจเมืองภูเก็ต ฐานรุกป่าสงวนฯ อ.เกาะยาว เข้าพบแล้ว 3 ให้การปฏิเสธ อีก 1 อยู่ระหว่างติดต่อ แฉพฤติกรรมเข้าครอบที่ ก่อนให้เจ้าหน้ารัฐออกเอกสารสิทธิ ขายต่อบริษัทสร้างท่าเรือ ศูนย์การค้า บ้านพักตากอากาศ

ราษฎรบ้านย่าหมี หมู่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา เข้าร้องทุกข์กับกรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินคดีกับผู้ ครอบครองที่ดินโดยมิชอบในพื้นที่อ่าวคลองสน อ.เกาะยาว เมื่อปี 2549 ต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษลงมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานเกือบ 3 ปี กระทั่งนำไปสู่การ ออกหมายเรียกผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา 4 คน

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 เมษายน นายธวัช ตันติพิริยะกิจ นายธรา ตันติพิริยะกิจ และนายประสิทธิ์ ตันติพิริยะกิจ นักธุรกิจชื่อดัง จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาในคดีบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.เกาะ ยาว เนื้อที่ 500 ไร่ ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท เข้าพบ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษด้านป่าไม้และที่ดิน ดีเอสไอ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหา 1.ความผิดฐานยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ก่อสร้างแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 2.ยึดถือ ครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ 3.ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ โดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เกินกว่า 50 ไร่ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ขณะที่นายบำรุง วงศ์ชุมพิศ ผู้ต้องหาอีก 1 คนอยู่ระหว่างติดต่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้อำนวยการคดีอาญา 1 สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า ราษฎรบ้านย่าหมี หมู่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ ร้องทุกข์ต่อดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีกับผู้ครอบครองที่ดินโดยมิชอบใน พื้นที่อ่าวคลองสน เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการต่อเนื่องจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือของบริษัทข้ามชาติที่บ้านย่าหมี ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสภาพชีวภาพทางทะเลอุดมสมบูรณ์ และชาวบ้านใช้ประโยชน์จากการประมง จากนั้นชาวบ้านรวมตัวกันต่อต้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือ จนกระทั่งเพิกถอนใบอนุญาต แต่ยังพบว่าพื้นที่บนบกพัฒนาเป็นศูนย์การค้า บ้านพักตากอากาศ โรงแรม และอื่นๆ นอกจากนี้ยังออกเอกสารสิทธิทับป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 2 แห่ง คือ ป่าเกาะยาวใหญ่ และป่าช่องหลาด

"คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2549 เนื่องจากสืบสวนจนสามารถรวบรวมหลักฐาน ชี้มูลความผิดต่อผู้ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ป่า ป่าสงวนแห่งชาติ และสนับสนุนเจ้าพนักงานออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้รับคดีบุกรุกพื้นที่เกาะยาวเป็นคดีพิเศษ 24 คดี มีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ และส่งคดีให้กับอัยการแล้ว จึงได้ขยายผลการสืบสวนสอบสวนมา" พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว และว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นนายทุนรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เข้าครอบครองบุกรุกที่สาธารณะโดยมิชอบในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ คดีนี้ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพนักงานที่ดินออกเอกสารสิทธิมิชอบบนเกาะยาว จ.พังงา ก่อนจะจำหน่ายให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นบริษัทดังกล่าวได้แผ้วถางพื้นที่ป่าริมชายหาดเพื่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ รวมทั้งแผ้วถางพื้นที่ป่าบนพื้นดิน สร้างเป็นศูนย์การค้า บ้านพักตากอากาศ และโรงแรม จนชาวบ้านออกมาขัดขวาง ถูกบริษัทดังกล่าวฟ้องดำเนินคดี 17 คดี ชาวบ้านจึงเข้าร้องกับดีเอสไอ

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเป็นนายทุนรายใหญ่ใน จ.ภูเก็ต พบการบุกรุกพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธและขอชี้แจง ภายหลัง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไปหลังสอบปากคำ และนัดมาพบอีกครั้งวันที่ 2 มิถุนายน

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: