| สรุปรายงานสถานการณ์เบื้องต้น การทำลายสภาพป่าชายเลน
 ชุมชนบ้านในไร่  ตำบลนาเตย   อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา
 เดือนสิงหาคม 2550               ต้นเดือนสิงหาคม  2550   นายสมเกียรติ  ลีธีระ  และนายเชษฐ์   ทรายทอง  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  7    ตำบลนาเตย   อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา    ได้นำรถแบ็คโฮเข้าไปไถป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ  ซึ่งป่าชายเลนผืนดังกล่าว  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ   เคยได้เข้ามาตรวจสอบดูแลเป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงประมาณ  60  ไร่   และทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่   22   บ้านกะไหล  อำเภอตะกั่วทุ่ง  จังหวัดพังา   ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่และได้มีการรังวัดร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดิน สาขาอำเภอท้ายเหมือง  จัดทำแนวเขตป่าชายเลนออกจากเอกสารสิทธิ์นส.3ก.  มีเนื้อที่  59.2  ไร่   ชาวบ้านที่คัดค้านกลับถูกข่มขู่ และห้ามยุ่งเกี่ยวมิฉะนั้นแล้วจะไม่ปลอดภัยในชีวิต   วันที่  13   สิงหาคม  2550              ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่  ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  และประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เรื่องขอความช่วยเหลือให้ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนชุมชนบ้านในไร่   เนื่องจากที่ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่  ได้ยอมความคดีที่ดินให้แก่นายสมเกียรติ  ลีธีระ เมื่อวันที่  26   มีนาคม  2550  ที่ผ่านมา  ปัจจุบันกลุ่มนายทุนได้นำรถแม็คโฮไถปรับสภาพพื้นที่อยู่อาศัยเดิมของชาวบ้านและบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลน  จำนวน  59.2  ไร่  จนพื้นที่ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษาเกิดความเสียหาย  ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ยื่นหนังสือร้องเรียนแก่  ฯพณฯท่านยงยุทธ  ติยะไพรัช  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ   เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในพื้นที่ป่าชายเลน  จากนั้นทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ลงไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวและได้ทำหนังสือชี้แจงพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร   ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี   ให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์จำนวน   60  ไร่  ในพื้นที่ป่าชายเลนของชุมชน จากนั้นทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่  22   ฝ่ายป้องกันและปราบปรามได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด  ในขณะที่ทางชาวบ้านผู้คัดค้านการบุกรุกถูกข่มขู่จากนายทุนที่เข้ามาบุกรุกป่าชายเลนด้วย   ทางชุมชนบ้านในไร่จึงขอให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง   และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้าตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนชุมชนบ้านในไร่โดยเร่งด่วน วันที่  17   สิงหาคม  2550              ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่   ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เรื่องการคุกคามกลุ่มแกนนำชุมชน  สืบเนื่องจากชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่   หมู่ที่  7  ต.นาเตย   อ.ท้ายเหมือง  จ.พังงา  ได้ยอมความคดีพิพาทที่ดิน  23  แปลง   ของนายสมเกียรติ  ลีธีระ  เมื่อวันที่   26  มีนาคม  2550  ที่ผ่านมา   หลังจากชาวบ้านได้ยอมความแล้ว   เมื่อต้นเดือนสิงหาคม  2550  ผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  บ้านในไร่  พร้อมกับผู้ใหญ่สมและพวก  เป็นผู้ดูแลที่ดิน  23  แปลงและในจำนวน  23  แปลงนี้เอง   ส่วนหนึ่งก็เป็นพื้นที่ป่าชายเลน   ซึ่งทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคยไปตรวจสอบดูแล้ววาเป็นป่าชายเลนจริงประมาณ  60  ไร่   หลังจากนั้นทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่  22  (   ฝ่ายป้องกันและปราบปราม  )  ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว  เป็นป่าชายเลนจึงได้เดินแนวเขตกันออกมาจากนส.3ก.  จำนวน  59.2  ไร่ ในขณะนี้ป่าชายเลนจำนวน  59.2  ไร่   ทางผู้ใหญ่เชษฐ์   ทรายทองและพวกได้พารถแม็คโฮไปไถพื้นที่เปลี่ยนแปลงสภาพจากป่าชายเลนรอกั้นลวดหนามในไม่ช้า   ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในการสัญจรไปมาในพื้นที่ดังกล่าวได้  แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้ามีปากเสียง  เนื่องจากผู้ใหญ่เชษฐ์และพวก   ได้ข่มขู่ชาวบ้านว่าห้ามใครมายุ่งเกี่ยวกับที่ดินผืนนี้   และจะให้ผู้ใหญ่สมซึ่งเป็นเจ้าพ่ออำเภอท้ายเหมืองเข้าคุมพื้นที่ในไร่ด้วย  โดยผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทอง และพวก  มีปืนไว้ครอบครองกันทุกคนเพื่อไว้ข่มขู่ชาวบ้านและติดตามชาวบ้านที่นั่งจับกลุ่มคุยกัน   มีการข่มขู่แกนนำที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้   โดยทางชุมชนมีข้อเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ดังนี้ 
            ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงมาตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนภายใน  7   วันให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสั่งการไปยังจังหวัดให้มาตรวจสอบการใช้อาวุธผิดกฎหมาย ให้ทางจังหวัดเข้ามาดูแลความปลอดภัยของแกนนำและกลุ่มเคลื่อนไหวในขณะนี้ ภายใน  7  วันหากไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด   กลุ่มเคลื่อนไหวจะไปทวงถามกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ถึงสิทธิของความเป็นมนุษย์ควรได้รับการคุ้มครอง วันที่ 21  สิงหาคม   2550              ทางประธานคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   ได้ส่งหนังสือสำเนาเลขที่  สม. 0003/1869  ซึ่งทางคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   ได้ส่งไปยังอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  เรื่องการบุกรุกที่ดินบริเวณบ้านในไร่  มาให้ชุมชนบ้านในไร่ได้รับทราบ  โดยมีเนื้อหาตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีการตรวจสอบกรณีที่ดินของนายสมเกียรติ  ลีธีระ   บริเวณหมู่ที่  7  ตำบลนาเตย  อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา    ได้ออกรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่  24/2548  และมีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้มีหนังสือที่  ทส.0405/645  ลงวันที่  18  เมษายน   2549  แจ้งให้ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   ทราบ  จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าชายเลนหรือคาบเกี่ยวกับพื้นที่ป่าชายเลน   จึงได้ทำหนังสือคัดค้านการออกโฉนดที่ดินตามหลักฐานนส.3ก.  ทั้ง  7  ฉบับ   พร้อมเร่งรัดการพิจารณาของเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอท้ายเหมือง ทางประธานคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   ได้รับแจ้งจากแกนนำชุมชนบ้านในไร่เมื่อวันที่  17   สิงหาคม  2550   ได้มีกลุ่มบุคคลใช้รถแบ็คโฮไปไถพื้นที่เปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลนเพื่อจะกั้นรั้วลวดหนาม  ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในการสัญจรไปมาในพื้นที่ดังกล่าวและได้ข่มขู่ชาวบ้านว่าห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินผืนนี้  ทางคณะอนุกรรมการฯเห็นว่า   หากปล่อยให้มีการขุดทำลายก็จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะป่าชายเลนเสียหาย  จึงขอความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรีบส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและ ระงับการบุกรุกป่าชายเลนและดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบุกรุกป่าชายเลนและทำลายทรัพยากรต่อไป วันที่  24   สิงหาคม  2550             ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่  ได้ทำหนังสือถึงคุณเตือนใจ  ดีเทศน์   สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  หนังสือลงวันที่  23   สิงหาคม  2550   เพื่อแจ้งสถานการณ์ของชุมชนบ้านในไร่  เนื่องจากเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2550  นายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  7   และลูกน้องได้นำรถแบ็คโฮไปไถเปลี่ยนสภาพพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน  59.2  ไร่ซึ่งเป็นผืนป่าชายเลนที่ทางคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   ระบุว่าเป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงและเป็นป่าชายเลนที่ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบประมาณ  60  ไร่  จากนั้นทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่  22  (   ฝ่ายป้องกันและปราบปราม  )   ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นป่าชายเลนและได้เดินแนวกั้นเขตในพื้นที่ จำนวน  59.2  ไร่ ในขณะที่นายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  7   และลูกน้องได้ข่มขู่ชาวบ้านที่เข้ามาเป็นแกนนำในการคัดค้านและชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน  จึงทำให้ชาวบ้านหวาดระแวง  ไม่มีความปลอดภัย  เนื่องจากนายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  7   ได้พกพาอาวุธปืนและทำการข่มขู่ซึ่งเป็นการคุกคามสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวบ้าน   โดยไม่มีหน่วยงานใดให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว วันที่  25   สิงหาคม  2550             ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่   ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการป่าชายเลนที่  2   หนังสือลงวันที่  24  สิงหาคม   2550  เรื่อง  ขอความอนุเคราะห์หนังสือการกั้นแนวเขตป่าชายเลนจำนวน  59   ไร่  ชุมชนในไร่  ตามที่สถานีพัฒนาป่าชายเลนที่  22   ได้เข้ามาตรวจสภาพพื้นที่ป่าชายเลนชุมชนในไร่  หมู่ที่   7  ต.นาเตย  อ.ท้ายเหมือง   จ.พังงา   เกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ นส.3ก ทับที่ป่าชายเลนจำนวน  59  ไร่  ส่งผลกระทบต่อชุมชนบ้านในไร่และเป็นป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ  ชาวบ้านได้ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง   ทางชาวบ้านที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลนจำนวน  59   ไร่ที่ได้มีการส่งคำพิจารณาการเพิกถอน นส.3ก ของนายสมเกียรติ  ลีธีระ   ที่ทับป่าชายเลนดังกล่าว  ชาวบ้านจึงมีความจำเป็นที่จะต้องการใช้เอกสารดังกล่าวมาศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลน  จึงขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการป่าชายเลนที่  2   อย่างเร่งด่วน   เพื่อยึดป่ายชายเลนให้กลับคืนมาเป็นของชุมชน  ตามพระราชดำริ   12  สิงหาคม  2550   ที่ผ่านมา  วันที่  27   สิงหาคม  2550             ชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่  ยื่นหนังสือถึง   สภานิติบัญญัติแห่งชาติ   และประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  หนังสือลงวันที่  26   สิงหาคม  2550  เรื่อง   ขอให้ยุติการบุกรุกและเปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลน   เนื่องจากชุมชนบ้านในไร่  หมูที่   7  ตำบลนาเตย  อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา   เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติสึนามึเมื่อวันที่  26   ธันวาคม  2547  หลังจากนั้นนายสมเกียรติ  ลีธีระ   ได้อ้างสิทธิในที่ดินจำนวน  23  แปลง   จึงมีผลกระทบต่อชุมชนบ้านในไร่ทางด้านการทำมาหากิน  ที่อยู่อาศัยและป่าชายเลน  จากนั้นชาวบ้านชุมชนในไร่ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบที่ดินดังกล่าว  จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินจำนวน  18   แปลงออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบและเป็นพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน  60   ไร่   ต่อมาทางสถานีพัฒนาป่าชายเลนที่   22  บ้านกะไหล  อำเภอตะกั่วทุ่ง  จังหวัดพังงา   ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบพื้นที่จึงเห็นว่าเป็นป่าชายเลนแล้วได้ดำเนินการรางวัดกันแนวเขตออกมาจาก  นส.3ก จำนวน  59   ไร่จากนั้นทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ทำหนังสือคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดิน  7   ฉบับ  เมื่อวันที่  18   เมษายน  2549   เร่งรัดให้ที่ดินสาขาท้ายเหมืองเร่งดำเนินการพิจารณาแต่ปรากฏว่าที่ดินสาขาท้ายเหมืองยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใดจนมาถึงบัดนี้
 ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าว  เมื่อวันที่  12  สิงหาคม   2548  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  7   บ้านในไร่  นายเชษฐ์  ทรายทองและชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่ได้ร่วมทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติในที่ดินแปลงดังกล่าว  แต่ในขณะนี้นายสมเกียรติ  ลีธีระ   และผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทอง   ได้นำรถแม็คโฮเข้าไปไถและบุกรุกเปลี่ยนแปลงป่าชายเลนแปลงดังกล่าว  เมื่อต้นเดือนสิงหาคม  2550   มีการข่มขู่ชาวบ้านที่คัดค้าน   ห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับป่าชายเลนแปลงนั้นมิฉะนั้นจะไม่ปลอดภัยในชีวิตของกลุ่มผู้คัดค้าน ทำให้ชาวบ้านที่คัดค้านมีความหวาดกลัวและระแวงเป็นอย่างมาก  เพราะผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทองและลูกน้องต่างก็มีอาวุธปืนด้วยกันทุกคน   ดังนั้นทางกลุ่มผู้คัดค้านและชุมชนบ้านในไร่ได้มีข้อเสนอดังต่อไปนี้  
            ให้ดำเนินการตรวจสอบยุติการบุรุกป่าชายเลนจำนวน  59  ไร่ ให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าชายเลน ให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน  15  วัน  วันที่  28  สิงหาคม   2550             ตัวแทนชุมชนบ้านในไร่  เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง  นายกรัฐมนตรี   และฯพณฯท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   หนังสือลงวันที่  26   สิงหาคม  2550  เรื่องขอให้ยุติการบุกรุกและเปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลน  เนื่องจากชุมชนบ้านในไร่  หมูที่   7  ตำบลนาเตย  อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา   เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติสึนามึเมื่อวันที่  26   ธันวาคม  2547  หลังจากนั้นนายสมเกียรติ  ลีธีระ   ได้อ้างสิทธิในที่ดินจำนวน  23  แปลง   จึงมีผลกระทบต่อชุมชนบ้านในไร่ทางด้านการทำมาหากิน  ที่อยู่อาศัยและป่าชายเลน  จากนั้นชาวบ้านชุมชนในไร่ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบที่ดินดังกล่าว  จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินจำนวน  18   แปลงออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบและเป็นพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน  60   ไร่   ต่อมาทางสถานีพัฒนาป่าชายเลนที่  22  บ้านกะไหล   อำเภอตะกั่วทุ่ง  จังหวัดพังงา   ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบพื้นที่จึงเห็นว่าเป็นป่าชายเลนแล้วได้ดำเนินการรางวัดกันแนวเขตออกมาจาก  นส.3ก จำนวน  59  ไร่จากนั้นทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ทำหนังสือคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดิน  7   ฉบับ  เมื่อวันที่  18   เมษายน  2549  เร่งรัดให้ที่ดินสาขาท้ายเหมืองเร่งดำเนินการพิจารณาแต่ปรากฏว่าที่ดินสาขาท้ายเหมืองยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใดจนมาถึงบัดนี้
 ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าว  เมื่อวันที่  12  สิงหาคม   2548  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  7   บ้านในไร่  นายเชษฐ์   ทรายทองและชาวบ้านชุมชนบ้านในไร่ได้ร่วมทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติในที่ดินแปลงดังกล่าว  แต่ในขณะนี้นายสมเกียรติ  ลีธีระ   และผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทอง   ได้นำรถแม็คโฮเข้าไปไถและบุกรุกเปลี่ยนแปลงป่าชายเลนแปลงดังกล่าว  เมื่อต้นเดือนสิงหาคม  2550   มีการข่มขู่ชาวบ้านที่คัดค้าน   ห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับป่าชายเลนแปลงนั้นมิฉะนั้นจะไม่ปลอดภัยในชีวิตของ กลุ่มผู้คัดค้านทำให้ชาวบ้านที่คัดค้านมีความหวาดกลัวและระแวงเป็นอย่างมาก  เพราะผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทองและลูกน้องต่างก็มีอาวุธปืนด้วยกันทุกคน   ดังนั้นทางกลุ่มผู้คัดค้านและชุมชนบ้านในไร่ได้มีข้อเสนอดังต่อไปนี้  
            ให้ดำเนินการตรวจสอบยุติการบุรุกป่าชายเลนจำนวน  59  ไร่ ให้ดำเนินการเพิกถอน นส.3ก  ทับที่ป่าชาชายเลนจำนวน  59  ไร่ ให้คุ้มครองดูแลกลุ่มผู้คัดค้านการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าชายเลน ให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน  15  วัน  ในวันเดียวกันแกนนำกลุ่มคัดค้านการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน   บ้านในไร่ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่งและแร่   หนังสือลงวันที่  26  สิงหาคม  2550   เรื่องขอให้ติดตามการดำเนินงานตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนบ้านในไร่   ตามที่กลุ่มผู้คัดค้านการบุกรุพื้นที่ป่าชายเลนชุมชนบ้านในไร่  หมูที่   7  ตำบลนาเตย  อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา   ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  ในขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ประการใด  แต่ทางกลุ่มนายสมเกียรติ  ลีธีระและผู้ใหญ่เชษฐ์  ทรายทอง   ได้เข้าไปดำเนินการล้อมรั้วกั้นลวดหนามในพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน  59   ไร่   และยังมีการข่มขู่กลุ่มชาวบ้านผู้คัดค้านอย่างต่อเนื่อง  ดังนั้นทางกลุ่มผู้คัดค้านจึงขอให้ทางคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ  ชายฝั่ง   และแร่   เร่งดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบในพื้นที่อย่างเร่งด่วน   เพื่อยุติการบุกรุกป่าชายเลนของกลุ่มผู้บุกรุกอยู่ในขณะนี้  วันที่  30   สิงหาคม  2550             เจ้าหน้าที่ที่ดินสาขาท้ายเหมือง  ลงพื้นที่ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน  และได้แจ้งให้นายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน   เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องลงไปในพื้นที่ชุมชนบ้านในไร่  ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากที่ดินสาขาอำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา   เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน   (  ลำแก่น  )   เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันป่าไม้วังทัง   ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง   อำเภอคุระบุรีและนายกองค์กาบริหารส่วนตำบลนาเตย  สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเตย หมู่ที่ 7  และนายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่ 7   รวมถึงตัวแทนของนายสมเกียรติ   ลีธีระ   ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอท้ายเหมืองได้ชี้แจงว่า   การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินออกโดยถูกต้องเมื่อปีพ.ศ.  2533  พร้อมกับนำเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นดู เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน  (   ลำแก่น  )   ลงไปตรวจสอบพื้นที่โดยอ้างว่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้เนื่องจากไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนเอง  เจ้าหน้าที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง   ได้ชี้แจงว่าเป็นที่ดินเอกสารสิทธิ์ของนายทุนเมื่อปี  พ.ศ.  2533  และมีการกันแนวเขตออกมาจริง  แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ยืนยัน   และให้ทางสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเตยและนายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  7   เซ็นหนังสือรับรองการลงพื้นที่และนำรายชื่อผู้คัดค้านทั้ง  12  รายให้ผู้ใหญ่บ้านดู เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันป่าไม้วังทัง   เสนอว่าให้ฟ้องเจ้าหน้าที่และสรุปว่าเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์  นายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  7   เป็นผู้ชี้แนวเขตที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลนและให้ผู้ที่คัดค้านมาคุยกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด   หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ไปคุยกันที่บ้านนายเชษฐ์  ทรายทอง   ผู้ใหญ่บ้านและหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินทางไปที่บ้านผู้ใหญ่สมและมีตัวแทนของนายสมเกียรติ  ลีธีระ   รวมอยู่ด้วย ในวันเดียวกัน  ทางศูนย์เอกภพ   กองบัญชาการตำรวจสันติบาล   จังหวัดกรุงเทพฯได้มีหนังสือเลขที่   0028.263/1025  ลงวันที่  28  สิงหาคม   2550   มายังด.ต.เชิดศักดิ์  กำโชค  ทางด.ต.เชิดศักดิ์  กำโชค   จึงลงมาในพื้นที่บ้านในไร่เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มแกนนำ  เนื่องจากหนังสือดังกล่าวระบุว่าให้ตรวจสอบกรณีชาวบ้านในไร่เดินทางไปที่หน้าทำเนียบเมื่อวันที่  28  สิงหาคม   2550   เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีผ่านทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล  โดยชุมชนบ้านในไร่มีข้อเรียกร้อง  คือ 
            ให้ดำเนินการตรวจสอบยุติการบุรุกป่าชายเลนจำนวน  59.2   ไร่ให้ดำเนินการเพิกถอน นส.3ก  ทับที่ป่าชาชายเลนจำนวน  59.2  ไร่ให้คุ้มครองดูแลกลุ่มผู้คัดค้านการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ให้ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าชายเลน ให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน  15  วัน  |