homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 
 

อนุกรรมการสิทธิฯ จี้ป่าไม้-ที่ดินพังงา อย่าเตะถ่วง ดำเนินการด่วน !

26 ส.ค.51

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.51 เวลา 09.00 น. คณะอนุกรรมการสิทธิในการจัดการที่ดินและป่าไม้เดินทางมาจัดการประชุมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และติดตามผลการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนจังหวัดพังงา ร่วมกับจังหวัดพังงาที่ห้องประชุมสิมิลัน ชั้น 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงา ซึ่งคณะอนุกรรมการสิทธิในการจัดการที่ดินและป่าไม้ประกอบด้วยนางสุนี  ไชยรส เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ นายบารมี  ชัยรัตน์  นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ และนายจักรพังศ์  ธนวรพงศ์ เป็นอนุกรรมการฯ

นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายประจวบ  อินเจริญศักดิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.พังงา นายคณิต  ราชวาณิชย์ ผอ.ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ 17 (กระบี่) นายภัตติพงศ์  สุนทรวงศ์ ตัวแทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.พังงา  นายวิรัช  ตันสกุล ผู้ช่วยศูนย์ดำรงธรรม จ.พังงา นายวีระ  เดชเจริญ ผู้ช่วยศูนย์ดำรงธรรม จ.พังงา นายบุญรักษ์  สิงขรณ์ ปลัดอาวุโสตัวแทนนายอำเภอท้ายเหมือง นายภากร  อุมะวิชนี นักวิชาการที่ดิน 7ว. สำนักงานที่ดิน จ.พังงา นายประหยัด  ศรีสมุทร  นายก อบต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว  นายธนู  ชูเนตร ที่ดินอำเภอเกาะยาว  นายพงศกร  หมอสกุล ปลัด อบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนชาวบ้านที่ร้องเรียน พร้อมด้วยพี่น้องชาวบ้านในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงเดินทางมาให้กำลังใจทั้ง 3 พื้นที่ กว่า 150 คน  โดยส่วนหนึ่งเข้าไปฟังการประชุมในห้องประชุมและอีกส่วนหนึ่งรออยู่ที่หน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ซึ่งตรงอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่ประชุม

พื้นที่ที่ร้องเรียนไปยังคณะอนุกรรมการสิทธิฯ มี 3 พื้นที่ คือ 1.บ้านเกาะนก บ้านคลองเจริญและบ้านไม้ไผ่ ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง 2.บ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว และ3. ต.ทุ่งคาโงก จ อ.เมือง.พังงา  ซึ่งพื้นที่ที่ร้องเรียนมาทั้งหมดประสบกับปัญหาเรื่องสิทธิที่ดินทั้งสิ้น เช่น การออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ การประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติทับที่ทำกินของชาวบ้าน

เนื่องจากแต่ละพื้นที่ที่ร้องเรียนมีรายละเอียดปลีกย่อย ทางคณะอนุกรรมการสิทธิฯ จึงลำดับการเข้าประชุมเพื่อรับฟังและตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้พื้นที่บ้านเกาะบ้านเกาะนก บ้านคลองเจริญและบ้านไม้ไผ่ ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง เข้าประชุมเป็นพื้นที่แรก ตามด้วยบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว และ ต.ทุ่งคาโงกจ อ.เมือง.พังงา พื้นที่สุดท้าย

พื้นที่บ้านเกาะนก บ้านคลองเจริญและบ้านไม้ไผ่ ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง ชาวบ้านร้องเรียนว่าชาวบ้านกว่า 618 หลังคาเรือน ซึ่งอาศัยทำกินในหมู่ที่ 2 ต.ทุ่งมะพร้าว มาตั้งแต่ พ.ศ.2495 จนกระทั้งพ.ศ.2529 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีประกาศให้ป่าคลองทุ่งมะพร้าวในพื้นที่ตำบลลำแก่น ต.ทุ่งมะพร้าว และ ต.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งชาวบ้านเห็นว่ากฎกระทรวงนี้ขัดแย้งกับความเป็นจริง เนื่องจาก ในปี 2529 ชุมชนได้มีการขอสงเคราะห์การทำสวนยางทั้งยังมีการสร้างโรงเรียนบ้านฝ่ายท่า สาขาโรเรียนบ้านเกาะนกจึงมีหลักฐานว่าชุมชนอยู่มาก่อนการประกาศเขตป่า อีกทั้งชาวบ้านไม่ได้รับรู้เรื่องการประกาศฯ ทำให้ชาวบ้านเสียสิทธิในการร้องคัดค้าน ขณะนี้ชาวบ้านเดือนร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่สามารถขอออกโฉนดที่ดินได้ และต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงเกรงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะจับกุม

ในระหว่างการประชุมของพื้นที่บ้านเกาะนก คณะอนุกรรมการสิทธิได้ซักถามรายเอียดกับ ตัวแทนชาวบ้านที่ร้องเรียนและจึงขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ สำงานที่ดินและป่าไม้ทั้งในระดับอำเภอและจังหวัดให้ข้อมูลเพิ่ม แต่ในส่วนของตัวแทนชาวบ้านเองยังไม่ความกังวลใจต่อ การทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและคณะอนุกรรมการสิทธิฯ ด้วย ทางนางสุนี  ไชยรส ประธานคณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นในที่ประชุมว่า การประชุมซักถามในวันนี้ยังไม่จบ เป็นเพียงการให้เห็นข้อมูล และได้ข้อมูลเพิ่มเติมและค่อนข้างสรุปแน่ชัดแล้วว่าชุมชนนี้ส่วนใหญ่อยู่มาก่อนประกาศเขตป่าฯ

เวลา 11.30 น. ตัวแทนบ้านย่าหมี ที่เดินทางมากว่า 50 คน ได้เข้าประชุมต่อจากพื้นที่ บ้านเกาะนก ซึ่งมีนายจรูญ  หยั่งทะเล เป็นผู้ร้องเรียนว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ.2550 มีบ.นาราชา จก. ได้ดำเนินการบุกรุกไถปรับพื้นที่และก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในบริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว ทั้งมีการกั้นรั้วลวดหนามไม่ให้บุคคลใดๆ เข้าพื้นที่โดยติดป้ายห้ามบุกรุก โดยบริษัทอ้างว่าเป็นพื้นที่ของบริษัทและมีเอกสารสิทธิเป็น นส.3 ชาวบ้านเกรมว่าอาจจะมีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิของชาวบ้านให้เข้าใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าบางส่วน จึงส่งหนังสือมาร้องเรียน

ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการสิทธิจะซักถามขอความชัดเจนในการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีการออกเอกสารสิทธิทับที่ดิน ของชาวบ้านทั้งที่มีใบจองและการออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ มากกว่าจะซักถามตัวแทนชาวบ้าน เนื่องจากตัวแทนบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับคณะอนุกรรมการสิทธิฯ ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิฯ กรุงเทพฯ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ คณะอนุกรรมการสิทธิฯ ซักถามเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ สำนักงานที่ดินและป่าไม้ ระดับอำเภอเกาะยาวระดับจังหวัด โดยยกกรณีตัวอย่างที่เป็นปัญหาในขณะนี้เรื่องการออก นส.3 มากเกินความเป็นจริงและทับที่ของชาวบ้านย่าหมีที่ถือใบจอง

ทางที่ดินจังหวัดพังงากล่าวในที่ประชุมว่า ในปี 2534 มีชาวบ้านได้แจ้งร้องเรียนเรื่องการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบดังกล่าวมาแล้วและทางตนเองได้ทำหนังสือถึงทางผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้นแล้ว

ทางด้านศูนย์ดำรงธรรมซึ่งเป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวแย้งว่าทางจังหวัดยังไม่ได้รับเอกสารใดจากทางสำนักงานที่ดินเลยและยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวด้วย และทางตัวแทนจากสำนักงานป่าไม้กล่าวปฏิเสธด้วยเช่นกัน

ทางด้านชาวบ้านย่าหมีที่อยู่ในห้องประชุมเริ่มไม่พอใจกับการไม่รับผิดชอบของหน่วยงานราชการ  “ข่าราชการทำแบบนี้ไม่ถูก อย่าผลักกันไปมาแบบนี้” ชาวบ้านเป็นคนเดือนร้อนทั้งขึ้นทั้งร่อง” นายหรม  หยั่งทะเล ตัวแทนชาวบ้านย่าหมีกล่าวแสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่พอใจ

            ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวสรุปในกรณีบ้านย่าหมีว่าให้กรมป่าไม้จัดการวัดและทำแนวเขตให้ชัดเจน ทางด้านหน่วยงานที่ดินทั้งระดับกรม และพื้นที่กลับไปตรวจสอบสาระบบการออกเอกสารสิทธิซึ่งเป็นที่มาของการเกิดปัญหาในขณะนี้ให้ชัดเจน ในส่วนคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบในกรณีปัญหาบ้านย่าหมี ทั้งกรรมการในระดับจังหวัดและอำเภอ รวมไปถึงหน่วยงานระดับท้องถิ่น ให้รีบดำเนินการในส่วนที่มีอำนาจหน้าที่ไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสุดท้ายให้ยุติการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมที่ดินและกรมป่าไม้เจรจากับบริษัท นาราชา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่อ้างสิทธิการถือครองที่ดินและบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาดในขณะนี้  โดยข้อสรุปทั้งหมดนี้ให้ทุกหน่วยงานรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด

และพื้นที่ ต.ทุ่งคาโงกเข้าประชุมเป็นลำดับสุดท้าย มีนายขจร  มะโนการร้องเรียนว่า ที่ดินของตนเองมี ทสก.1 ซึ่งครอบครัวของผู้ร้องเรียนได้ใช้ทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ปัจจุบันได้ถูกนายทุนบุกรุกและขึงลวดหนามรอบที่ดินของตนเองทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนเองได้

 ทางคณะอนุกรรมการดำเนินการซักถามข้อความชัดเจนในรายละเอียดกับ ส่วนราชการที่รับผิดชอบโดยตรงและตัวแทนชาวบ้านทุ่งคาโงก และให้หน่วยงานที่เกี่ยงข้องและรับผิดชอบดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว

ผู้ส่งข่าว  สุจารี  ไชยบุญ
ฝ่ายรณรงค์และเผยแพร่
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน
086 9447050

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: