| สมเกียรติ  เจือจาน (ศิระ สิงหบัญชร) คดีสมัชชาคนจนชุมนุมที่เขื่อนราษีไศล(๒๕๔๓)
 ศาลฎีกาสั่งจำคุก  ๑ ปี ไม่รอลงอาญา(๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)
 สมเกียรติเป็นชาวบ้านเพียมาต ตำบลหนองแค  อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้เดือดร้อนจากการก่อสร้างเขื่อนราษีไศลคนหนึ่ง  เข้าร่วมต่อสู้เรียกร้องกับสมัชชาคนจนมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒  สมเกียรติมีบทบาทเป็นแกนนำคนหนึ่ง และในหมู่บ้านเขาก็เป็นผู้นำชุมชนคนสำคัญ ล่าสุด  ขณะที่เขาถูกสั่งจำคุกนี้  เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแค  และได้รับเลือกเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแค  วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔  ที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ศาลฎีกาสั่งลงโทษจำคุกสมเกียรติ ๑ ปี โดยไม่รอลงอาญา  ในข้อหา บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพกรณีสมัชชาคนจนบุกเข้าชุมนุมที่หัวงานเขื่อนราษีไศลเมื่อ  เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๓ และมีผลให้สมเกียรติต้องถูกจำคุกที่เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ  ทันที เหตุการณ์(ที่ศาลไม่ได้ไต่สวน)ในขณะนั้นคือ  หลังจากที่สมัชชาคนจนเคลื่อนไหวให้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยที่ดินและการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี  ๒๕๓๗ จนรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จ่ายค่าชดเชยให้ผู้เดือดร้อนประมาณ ๘๐๐ คนในเดือนตุลาคม  ๒๕๔๐ และอีกเดือนหนึ่งต่อมารัฐบาลก็ลาออก มีพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลต่อ  ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักในช่วงนั้นทำให้นักการเมืองนำเรื่องการจ่ายค่าชดเชยเขื่อนราษีไศลมาเป็นเครื่องมือโจมตีกันทางการเมืองกันอย่างเกรียวกราวหลายระลอก (โดยเฉพาะช่วงก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจและก่อนการเคลื่อนไหวขององค์กรประชาชนประท้วงรัฐบาลกรณีต่างๆ)  โดยกล่าวหาว่ามีนักการเมืองพรรคความหวังใหม่ทุจริตเงินค่าชดเชย  และพาดพิงชาวบ้านว่าร่วมกันทุจริต กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานฟ้องแพ่งชาวบ้านจำนวน  ๔๑๕ รายเพื่อเรียกเงินคืน นายตำรวจใหญ่พลตำรวจโทเสรี เตมียเวส  ออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวหาชาวบ้านราษีไศลอย่างหนักหน่วง  หน่วยงานราชการใช้เงินจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์โครงการละ ๕ ล้านเพื่อกระพือข่าวนี้  นักเคลื่อนไหวทางสังคมหลายคนออกมาประท้วงจนมีการฟ้องหมิ่นประมาทกันไปกันมาหลายคดีระหว่างปี  ๒๕๔๑-๒๕๔๓  ชาวบ้านสมัชชาคนจนราษีไศลเมื่อผ่านจากการต่อสู้ยาวนานเพื่อสิทธิ์  จึงลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งเพื่อ ศักดิ์ศรี  เพราะถูกกล่าวหาและถูกดูถูกอย่างหนัก จึงเปิดการชุมนุมต่อมาอีกหลายครั้งเพื่อท้าพิสูจน์  แต่ก็เป็นไปได้เพียงทำนอง ตีนช้างเหยียบปากนก เสียงของผู้มีอำนาจเบื้องบนไม่มีทีท่าจะคำนึงถึงคนยากคนจนว่าจะเกิดความคับแค้นต่อการกระทำดังกล่าวสักเพียงใด จนถึงต้นปี ๒๕๔๓ สมัชชาคนจนราษีไศลปักหลักชุมนุมอยู่ในพื้นที่ป่าทามท้องอ่างเก็บน้ำบริเวณบ้านผึ้ง  ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศลมาเป็นเวลาหลายเดือน เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเขื่อนเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ผู้เดือดร้อนทั้งที่รับค่าชดเชยไปแล้วแต่ถูกกล่าวหาว่าโกงเงินหลวงและสมาชิกอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับค่าชดเชย  ทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างเขื่อนราษีไศล  แต่ไม่มีท่าทีจากรัฐบาลว่าจะรับฟังเสียงเรียกร้องหรือตอบสนองแต่อย่างใด  อนึ่ง  ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ประจำเขื่อนกับชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากเขื่อนราษีไศลขณะนั้นแย่เอามากๆ  นายประสิทธ์ หวานเสร็จ  นายช่างหัวหน้าเขื่อนเป็นคนแข็งกร้าว กราดเกรี้ยวกับชาวบ้าน และยังมีนายอำเภอชื่อ  นายกรีศักดิ์ ไพบูลย์  ที่ตามขู่ปรามและออกหน้าปลุกระดมจัดตั้งชาวบ้านนอกพื้นที่มาต่อต้านกลุ่มผู้เรียกร้องแบบ  ม็อบชนม็อบหลายครั้ง และกล่าวกับชาวบ้านว่า ถ้ารัฐบาลจ่ายค่าชดเชยเขื่อนราษีไศล ให้เอามีดมาปาดคอผม คืนวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ชาวบ้านสมัชชาคนจนเคลื่อนพลเข้าไปชุมนุมที่หัวงานเขื่อนราษีไศล  และชุมนุมต่อเนื่องมาอีกระยะหนึ่ง จนรัฐบาล ชวน หลีกภัย  มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อคราวประชุมวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๓  ให้เปิดบานประตูเขื่อนราษีไศลทั้ง ๗ บาน จนกว่าจะมีการพิสูจน์สิทธิ์ผู้เดือดร้อน  และมีการศึกษาผลกระทบทางสังคมโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วเสร็จ  เหตุการณ์คืนวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๓ นั้น  เป็นที่มาของการออกหมายจับแกนนำ ๑๒ คน ทั้งแกนนำชาวบ้านและที่ปรึกษาสมัชชาคนจน  กระทั่ง ในปี ๒๕๔๗ จึงเริ่มมีการจับกุม ไพจิตร  ศิลารักษ์  ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก ๒ ปี ฐานความผิดทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์และฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ สั่งจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนฎีกา ฝ่ายสมเกียรติ เจือจาน เป็นคนที่ ๒  ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๘ ศาลชั้นต้นตัดสินไปตามแนวทางเดียวกันกับไพจิตร  คือสั่งจำคุก ๒ ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น  และเมื่อ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔  ศาลฎีกาก็สั่งจำคุกสมเกียรติ ๑ ปี ไม่รอลงอาญา เขาต้องเดินเข้าคุกทันที  เมื่อปีก่อนตอนศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก เขาก็ติดคุกจริงๆอยู่ ๗ วันก่อนได้รับประกันตัว  ออกมาอยู่บ้านกับลูกเมียและญาติพี่น้อง ทำงานเป็นประธานสภา อบต.  และต่อสู้ร่วมกับสมัชชาคนจนต่อไป แต่คราวนี้เขาต้องสูญเสียอิสรภาพไปเป็นปี  และเสียสิทธิ์เสียคุณสมบัติที่จะอยู่ในตำแหน่งที่เคยทำงาน-ตลอดไปเพราะเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญา เสียโอกาสที่จะทำมาหากินเช่นปกติ ลูกคนหนึ่งกับหลาน  ๒ คน เคว้งคว้าง
 อนาคตที่พึงควรมีของสมเกียรติถูกทำลายพังยับเยินลงแล้ว  ด้วยเหตุเพราะเขาเป็นคนรักความเป็นธรรม ไม่ยอมจำนนและลุกขึ้นปกป้องสิทธิ์ของตน  ต่อต้านอำนาจรัฐที่กดขี่ ในสังคมที่ขาดความเป็นธรรม  ช่วยเขา  ช่วยลูกเมียและญาติพี่น้องเขา แล้วช่วยกันทำให้สังคมไทยน่าอยู่กว่านี้เถิด  ต้องทำอย่างไรกันบ้าง เรารู้กันอยู่ดี ถ้าอคติไม่บังตา.  |