| ข่าวความเคลื่อนไหวเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้   เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้ประกาศจะผนึกกำลังรักษาทรัพยากร  พร้อมทั้งร่วมรณรงค์และเข้าชื่อผู้ร่วมร้องสอดศาลปกครอง  ภายหลังทราบข่าวชาวประมงอวนลาก จำนวน  36 รายได้ยื่นฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กรณีกำหนดแนวเขตหวงห้ามอวนลากอวนรุน
             เมื่อวันที่ 9   เมษายน  2551  เวลาประมาณ 14.00 น.  ชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้ จากจังหวัดกระบี่  พังงา   สุราษฎร์ธานี   และจากที่อื่นๆเข้าร่วมการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน  บริเวณสะพานท่าเทียบเรือเจ้าฟ้า ริมน้ำเมืองกระบี่  โดยมีนายอาหลี   ชาญน้ำ   ประธานเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่เป็นผู้แถลงข่าว                  ประธานเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่  กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่าสี่สิบปีที่ประเทศไทย  มีการใช้เครื่องมือประมงอวนลากและอวนรุนจับสัตว์น้ำ    จนทำให้ทรัพยากรในทะเลลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว   จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวประมงพื้นบ้านมาโดยตลอดนั้น    ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2550   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีประกาศกำหนดแนวเขตหวงห้ามอวนลากอวนรุนเพิ่มเติมบางพื้นที่  ในจังหวัดกระบี่   แต่ปรกฎว่า ชาวประมงอวนลาก  จ.ภูเก็ต จำนวน  36   ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช ขอให้  เพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2550  ของจังหวัดกระบี่  โดยอ้างว่ากระทบสิทธิการทำประมงของตน และมีข้ออ้างอื่นๆที่จงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อศาล การฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศฯ  ท้องที่จังหวัดกระบี่ในครั้งนี้  แสดงให้เห็นว่า ชาวประมงอาวลากมิได้คำนึงถึงความเดือดร้อนและความยากลำบากในการทำมาหากินของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน  ไม่ได้สนใจว่าทรัพยากรทะเลจะเสื่อมโทรมเพียงใด มุ่งแต่ปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเป็นหลัก   ส่วนทางด้านตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านจากจังหวัดพังงา  นายสมมิตร  ปลูกพืช  ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับจังหวัดที่ได้มีการประกาศใช้กำหนดแนวเขตหวงห้ามอวนลากอวนรุน  มี 3 จังหวัดคือ กระบี่  ตรัง และประจวบคีรีขันธ์     พื้นที่ที่ผ่านมติครม.แล้ว กำลังเตรียมประกาศมี  1 พื้นที่ คือจังหวัดปัตตานี   สำหรับ   จังหวัดอื่นๆในพื้นที่ชายฝั่ง ได้มีการพูดคุยในระดับจังหวัด  ส่วนจังหวัดพังงานั้น หลังจากที่ได้มีการประชุมกันแล้ว  ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้เสนอให้ชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดพังงาแต่งตั้งคณะทำงานในพื้นที่  เพื่อประสานงานร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด   แต่ประเด็นอื่นๆยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
                   สำหรับการณรงค์เข้าชื่อร้องสอดศาลปกครองครั้งนี้  เพื่อที่ชาวประมงพื้นบ้านในทุกพื้นที่ สามารถที่จะให้ข้อมูล  ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่ศาลปกครองได้   เพราะหากศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับนี้  จะทำให้ชาวประมงพื้นบ้านทั้งสองฝั่งทะเลได้รับความเดือดร้อนจากการทำประมงอวนลาก  อวนรุนอย่างแน่นอน   นายสมมิตรกล่าว                 สำหรับกิจกรรมการรณรงค์เข้าชื่อร้องสอดศาลปกครอง  จะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน  2551 ตั้งแต่เวลา  09.00 น.  เป็นต้นไป  โดยจะมีพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งอันดามันและอ่าวไทยเข้าร่วมรณรงค์กว่า  2,000 คน      ชาวประมงพื้นบ้าน  จึงจำเป็นต้องรวมพลังเพื่อยืนยันถึงข้อเท็จจริง ความถูกต้อง โดยจะเรียนให้สื่อมวลชนและสาธารณชนทั้งได้ทราบในเบื้องต้นว่า  เราจะมีมาตรการรณรงค์ในเบื้องต้น 2 ประการได้แก่  
              จัดขบวนเดินพาเหรดรณรงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงตัวตนของผู้ทุกข์ยากที่มีอยู่จำนวนมาก  ในวันที่ 10 เมษายน 2551 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ณ ตลาดเมืองกระบี่  พร้อมทั้งยื่นหนังสือถึง รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จะร่วมกันเข้าชื่อชาวประมงพื้นบ้านผู้ที่จะถูกผลกระทบ  เข้าร้องสอดต่อศาลปกครอง ให้ได้ 2000 คน  เพื่อจะได้เสนอข้อเท็จจริงต่อศาลอีกทางหนึ่งด้วย  ขบวนของธงสีฟ้าทะเล  ของคนรักทะเลจะเต็มท้องถนนเมืองกระบี่อีกครั้ง ในวันพรุ่ง...  การรวมพลังรณรงค์ครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความตั้งใจของพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและประชาชนชาวไทย  ว่าจะสามารถผลักดันให้รักษามาตรการปกป้องดูแลฐานทรัพยากรของชาวไทยทั้งหมด  ไว้ได้หรือไม่ จึงขอเชิญชวน |