| นักอนุรักษ์ย่าหมียันใบจองที่ดินเป็นของจริง 22  มี.ค. 53  เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 มี.ค.53 นายส้าฝาด  ห่วงผล  และนายส้อหล้า  ห่วงผล   แกนนำนักอนุรักษ์ ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา   เดินทางไปศาลจังหวัดพังงาพร้อมด้วยญาติพี่น้องจำนวน 20 คน   เพราะศาลจังหวัดพังงานัดไต่สวนมูลฟ้อง เนื่องจาก บริษัท นาราชา จำกัด   เป็นโจทย์ฟ้องนายส้าฝาด  ห่วงผล จำเลยที่ 1 และนายส้อหล้า    ห่วงผล จำเลยที่ 2  ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ    คดีหมายเลขที่ 981/2552 โดยมีนายมานิตย์    ตันติวัชรพันธุ์ ขึ้นพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 4 ซึ่งการไต่สวนมูลฟ้องครั้งนี้เป็นการสืบพยานทางฝ่ายโจทย์             นายส้อหล้า  ห่วงผล   อาชีพชาวประมงพื้นบ้านและเป็นสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ต.เกาะยาวใหญ่   อ.เกาะยาว จ.พังงา อายุ 44 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากออกจากห้องพิจารณาคดีว่า   การที่ผมบอกกับใครๆ   ว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของพ่อผมและมีเอกสารสิทธิ์เป็นใบจองนั้นเป็นความจริง   ไม่เคยโกหกใคร   และอดีตที่ดินจังหวัดพังงายืนยันชัดเจนว่าใบจองที่ดินของพ่อเป็นของจริง   แสดงว่าพ่อและผมได้โกหกใคร   เชื่อว่าศาลให้ความเป็นธรรมแน่นอน             นายส้อหล้า    ห่วงผล ดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติบ้านย่าหมี   ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงามาอย่างต่อเนื่อง   ตั้งแต่คัดการการก่อสร้างท่าเทียบเรื่องมารีน่าที่หาดคลองสนจนถึงการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินของตนเอง จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมและเรียกร้องให้มีการพิสูจน์สิทธิ             สำหรับบริษัท นาราชา จำกัด มีกรรมการบริษัท  6  คน    สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่  39/20  ม.3 ต.บางตลาด   อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีนาบริเวณอ่าวคลองสน   บ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ องเกาะยาว จ.พังงา และเมื่อ เดือน   ก.พ.50 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการให้อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี   แจ้งให้สำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาพังงา เพิกถอนใบอนุญาต   เลิกการอนุญาตก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือมารีน่า บริเวณอ่าวคลองสน บ้านย่าหมี   เนื่องจากใบอนุญาตขัดกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง   กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ได้รับธรณีพิบัติ   |