homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 
 

ปฏิบัติการวาระแห่งชาติทวงป่าคืนรัฐ กรณี บุกรุกที่ป่าสงวนบ้านย่าหมี จ.พังงา
หรือจะเป็นแค่ “เสือกระดาษ?”

ไทยโพสต์ 18 พ.ค.51  
ขุณิกากรณ์  ไชยบุญ   องค์กรความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน

“พวกเราเป็นลูกของผู้ต้องหาคดีปกป้องป่า”
เสียงร้องถามหาความยุติธรรมกับสังคมดังๆ ผ่านป้ายผ้า ซึ่งไม่ใช่ป้ายผ้าผืนแรก ในการเดินขบวนรณรงค์ทำความเข้าใจกับชาวเกาะยาวที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว จ.พังงา จากลูกของกลุ่มผู้ปกป้องป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บัดนี้กลายเป็นผู้ต้องหา ...แต่ที่ผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติกลับลอยนวล!

นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่อัปยศแห่งแวดวงกรมสีเขียวของไทยอีกวาระหนึ่ง ที่ชาวบ้านย่าหมี จำนวน 17 คน ซึ่งเป็นสมาชิก “กลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” ต.เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ภายใต้เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านอ่าวพังงา รวมตัวกันเพื่อปกป้องป่าต้นน้ำ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาด ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว จ.พังงา ด้วยข้อหาร่วมกันบุกรุกหรือเข้าไปทำการใดๆ อันเป็นรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขและร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร(ต้นงวงช้าง)

นี่หรือผลตอบแทนของชาวบ้านย่าหมี ชุมชนผู้พิทักษ์ป่าและจัดการทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษ
และเป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 4 ในปี 2545 ที่สร้างสรรค์ในการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรป่า\

 
ลูกของแกนนำเครือข่ายอาสาสมัครฯ ถือป้ายผ้าถามหาความยุติธรรม

บ้านย่าหมีเป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา  ดำเนินวิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย ด้วยสภาพพื้นที่เป็นเกาะจึงประกอบอาชีพประมงชายฝั่งเป็นหลักและทำสวนเป็นงานรอง ดังนั้นภาพชาวบ้านไปทอดแหริมชายฝั่ง คนเดินหาหอย  ตกปลา วางอวน ล้วนเป็นภาพที่คุ้นตา เป็นวิถีชีวิตที่คุ้นชิน ชีวิตคนในชุมชนจึงผูกพันกับทะเลและป่าไม้ราวกับเป็นหนึ่งเดียว

“เมื่อปลายปีที่แล้วพวกเราเห็นมีคนใช้รถไถถางป่า แต่ดูไปดูมามันกินพื้นที่เข้าไปในป่าสงวนฯ ก็พากันไปสำรวจป่า พวกเรากลัวป่าจะหมด น้ำจะไม่มีใช้ กลัวดินถล่มเหมือนภาคเหนือ เราต้องรักษาป่าและดูแลทะเลให้อยู่ต่อไปให้คนรุ่นลูก รุ่นหลานได้ใช้ด้วย แต่กลับโดนหมายเรียกเป็นผู้ต้องหา”

นั้นเป็นคำให้การชัดๆ ของนายอิบหร้อเหม  ถิ่นเกาะยาว อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านย่าหมี อีกทั้งเป็นแกนนำคนสำคัญของ กลุ่มอาสาสมัครฯ และยังเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 17 คน ที่โดนหมายเรียก!

จากการต่อสู้เพื่อการจัดการรักษาทรัพยากรชายฝั่ง ให้ปลอดจากเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายและทำลายทรัพยากร เช่น เรืออวนลาก เรืออวนรุน หรือ เรือปั่นไฟปลากะตัก จนทรัพยากรชายฝั่งอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลขนาดใหญ่แหล่งหนึ่งของประเทศ สู่ขบวนการปกป้องป่าต้นน้ำ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาด

กรมป่าไม้ได้ประกาศพื้นที่เขาย่าหมีและเขาช่องหลาดเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาดเมื่อ ปี 2511 จำนวน 5,718 ไร่ และครอบคลุมพื้นที่ 5 ชุมชน  2 ตำบล คือ บ้านช่องหลาด บ้านคลองเหีย บ้านคลองบอน บ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ และบ้านโล๊ะโป๊ะ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา และปฏิเสธไม่ได้ว่า มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปใช้ประโยชน์ป่าผืนนี้ และได้ประโยชน์จากการเป็น “ป่าต้นน้ำ”

 
หาดคลองสนเป็นแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ที่สุด แห่งหนึ่งใน ต.กะยาวใหญ่ จ.พังงา พื้นที่ป่าชายเลนชุมชน ต.กะยาวใหญ่ จ.พังงา

ด้วยสภาพพื้นที่ของบ้านย่าหมีที่โอบล้อมจากเหนือจรดใต้ด้วยขุนเขาที่มีป่าสงวนแห่งชาติอยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้าคือ ทะเลอันอุดมสมบูรณ์

กลุ่มชาวบ้านย่าหมีเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปจากการเปลี่ยนมือผู้ถือครองที่ดิน
จากการถือครองที่ดินที่เป็นของคนในชุมชนเดิมเพียงไม่กี่ไร่จากใบจองเดิม เปลี่ยนไปเป็นของคนนอกพื้นที่ และผู้ถือครองที่ดินมือล่าสุดขยายเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ  เช่น ใบจองเดิมของชาวบ้าน จำนวน 8 ไร่เศษ ต่อมาเมื่อขายให้กับนายทุนท้องถิ่นภูเก็ต ปรับเปลี่ยนจากใบจองเป็น นส.3 ได้ขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 30 ไร่ และเมื่อขอออกเป็นโฉนดขยายเพิ่มพื้นที่ไปเป็น 50 กว่าไร่ เป็นต้น สิ่งที่อยากจะชี้มูลเหตุก็คือ พื้นที่ที่ขยายส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติทั้งสิ้น!

ที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นบริษัทร่วมทุนต่างชาติที่มีพลอากาศเอกนอกราชการเป็นนอมินี ที่กว้านซื้อที่ดินจากชายหาดหน้าอ่าวคลองสน ซึ่งเป็นอ่าวที่มีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น แหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ ...ใหญ่กว่าสนามฟุตบอลก็ว่าได้ ไปจนถึงเชิงเขาและป่าต้นน้ำอีกหลายร้อยไร่

การถือครองที่ดินจำนวนนับไม่ถ้วนของบริษัทร่วมทุนต่างชาติยังไม่เพียงพอสำหรับการสร้างรีสอร์ทหรูหรา และบ้านพักต่างอากาศชั้นเยี่ยม จึงต้องรุกคืบและขยายเนื้อที่เข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนขอเอกสารสิทธิ์เป็น “โฉนดที่ดิน!” กว่า 20 แปลงที่สำนักงานที่ดินจังหวัด สาขาอำเภอเกาะยาว

...รุกที่ป่าสงวนแห่งชาติไปทีละนิด ...รุกคืบไปวันละหน่อย

ถึงแม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายสมัคร  สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้ประกาศการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ป่าไม้ ที่สาธารณะของรัฐ เป็นวาระแห่งชาติ

 กว่าที่การปฏิบัติการแก้ไขปัญหาที่จะเป็นจริง... พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาด อ.เกาะยาว จ.พังงา  ก็ราบเป็นหน้ากลองเสียแล้ว และแทนที่ด้วยบ้านพักตากอากาศสุดแสนอลังการในอนาคต

 ...แล้วนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนไหนจะกล้าสั่งรื้อถอนบ้านราคาหลัก 10 ล้าน??

ฉะนั้นขอพูดเสียงดังๆ และฟังให้ชัดอีกครั้งหนึ่งว่า บริษัทร่วมทุนต่างชาติที่มีพลอากาศเอกนอกราชการเป็นนอมินีนั้นกำลัง “ฮุบ” ที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด โดยกระทำเป็นขวนการร่วมกับข้าราชการบางคนที่โกงชาติออกเอกสารสิทธิ์ที่มิชอบด้วยกฎหมายมาครอบพื้นที่ป่าสงวนฯ

แม้ว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาดเป็นเพียงป่าผืนเล็กๆ เพียงไม่กี่พันไร่ เมื่อเทียบกับป่าสงวนแห่งชาติอื่น

กลุ่มอาสาสมัครฯ เป็นเพียงตัวแทนชาวบ้านในหมู่บ้านย่าหมี ที่มีกำลังคนเพียงหยิบมือ ซึ่งไม่อาจต้านทานอำนาจมืดใดๆ ได้

ได้ยินมากับหูหลายครั้ง หลายครา จนกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก ถึงเรื่องที่รัฐบาลจะเอาจริงเอาจังและนำคนที่บุกรุกป่าสงวนฯ มาลงโทษ แต่ยังไม่เคยเห็นจะๆ กับตาเลยสักครั้งเดียวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐได้จับนายทุนรายใหญ่มาลงโทษขั้นเด็ดขาด โทษฐานโกงกินป่าไม้ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ

“กลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” จะหวังอะไรได้อีกหรือไม่จากวาระแห่งชาตินี้ แค่เรื่องง่ายๆ ผู้พิทักษ์ป่าต้นน้ำยังตกเป็นผู้ต้องหา แล้วรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้จากนายทุนเงินหนาได้อย่างไร?

“พวกเราเป็นลูกของผู้ต้องหาคดีปกป้องป่า”

เสียงร้องถามหาความยุติธรรมกับสังคมดังๆ ผ่านป้ายผ้าที่เหล่าลูกของแกนนำพิทักษ์ป่าบรรจงเขียนขึ้นด้วยความหวัง...
หวังว่าคงจะเป็นป้ายผ้าผืนสุดท้าย...

ถ้านโยบายแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้จะไม่เป็นเพียง “เสือกระดาษ”
ข้อความในป้ายผ้าก็จะไม่ปรากฎให้เห็นอีกต่อไป...
“ขอจงคืนอำนาจและสิทธิให้แก่ชุมชนในการจัดกรทรัพยากรธรรมชาติ”

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: